วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558
7 เคล็ดลับประโยชน์สุดแสน AMAZING จาก BAKING SODA
เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) ที่เรากำลังพูดถึงนี้มันก็คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือเรียกอีกชื่อที่คุ้นหูกันดีของแม่บ้านทุกคนก็คือ ผงฟู นอกจากจะนำมาทำขนมแสนอร่อยได้แล้ว ยังสามารถช่วยเรื่องความสวยความงาม และช่วยแก้ปัญหาในครัวเรือนได้อีกด้วยนะคะ
1.FACIAL SCRUB เบกกิ้งโซดา ใช้ทำเป็นสครับก็ได้
ด้วยความที่เนื้อของเบกกิ้งโซดาเป็นเกล็ดละเอียด ๆ มันจึงสามารถนำมาใช้เป็นสครับได้เช่นกัน ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา ผสมกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่คุณใช้ แล้วนำมาขัดนวดไปหน้าเบา ๆ หรือจะใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำอุ่น ในอัตราส่วน 1:3 แล้วผสมเข้ากับแป้งข้าวโอ๊ต เพื่อการทำความสะอาด และบำรุงผิวให้นุ่มไปพร้อม ๆ กันก็ได้ รับรองเลยว่าผิวจะใสสะอาดกริ๊บไปเลยจ้า
2.ใช้เบกกิ้งโซดาช่วยล้างสารเคมีบนหนังศีรษะ
สาวๆที่เคยประสบปัญหารังแค หรือผมขาด ร่วงง่าย ส่วนมากกว่า 70% มักมาจากการตกค้างของสารเคมีบนหนังศีรษะ เพราะกว่า 80% ของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม มักจะมีส่วนผสมที่เป็นสารเคมี เช่น ซิลิโคน สารพาราเบน และอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการไปทำดีท๊อกซ์หนังศีรษะแต่ล่ะครั้งคุณต้องจ่ายหลักพันเชียวล่ะ แต่คราวนี้ไม่ต้องแล้วค่ะ เพราะเพียงคุณใช้เบกกิ้งโซดาผสมแชมพูเด็ก หรือแชมพูสูตรอ่อนโยน ก็จะเสมือนคุณกำลังได้ล้างสารพิษบนหนังศีรษะไปด้วยแล้วล่ะค่ะ แต่จะให้ได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการดีท๊อกซ์หนังศีรษะนั้น ต้องทำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 1 สัปดาห์ขึ้นไปนะคะ
3.ทำความสะอาดหวีและแปรงแต่งหน้า ประหยัดไปอีกเยอะ!
แน่นอนว่าถ้าเบกกิ้งโซดาสามารถขจัดสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะของเราได้ จะนับประสาอะไรกับคราบสกปรกบนรตกค้างบนแปรงและหวีของเราล่ะคะ สาวๆแค่นำน้ำอุ่นและเบกกิ้งโซดาผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำแปรงหรือหวีและเหล่านั้นมาล้างทำความสะอาด แล้วล้างด้วยแชมพูเด็กซ้ำเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วค่า
4.เท้าสะอาดได้ด้วยเบกกิ้งโซดา
เท้ามักเป็นอวัยวะส่วนท้าย ๆ ที่เราจะคิดถึง ทั้ง ๆ ที่จริงมันคอยรับใช้เราอย่างหนักและซื่อสัตย์ตลอดมานะคะคุณสาวๆ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องบำรุงรักษากันสักหน่อย แค่ใช้ 1/2 ถ้วย ผสมกับน้ำ 1 แกลลอนในอ่างใบโตที่พอให้แช่เท้าได้ จุ่มเท้าลงไปแช่ครึ่งชั่วโมง จากนั้นขัดถูและล้างเท้าตามปกติ เท้าจะสะอาดและรู้สึกเบาสบาย หากต้องการบำรุงเพิ่มให้ทาครีมบำรุงตามไปอีกได้เลยค่ะ
5.ดีท็อกซ์ผิวให้เนียนใสด้วยเบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดาก็สามารถช่วยดีท็อกซ์ผิวเอาความสกปรกที่ฝังในรูขุมขนออกมาได้นะคะ ด้วยการผสมเบกกิ้งโซดา 1-2 ถ้วย กับดีเกลือ 2 ถ้วย ลงในอ่างอาบน้ำ นอนแช่ตัว 30 นาที จากนั้นลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างตัวตามปกติ ผิวจะเนียนลื่นสุด ๆ เสร็จแล้วเช็ดตัวให้แห้ง ทาครีมบำรุงตามปกติ ทำเป็นประจำสักอาทิตย์ล่ะครั้งถึง2ครั้ง รับรองผ่อง!!
6.เบกกิ้งโซดาช่วยมาส์กผิวสำหรับคนเป็นสิว
อีกเคล็ดลับที่น่าลองนะ ใช้เบกกิ้งโซดารักษาผิวที่เป็นสิว โดยหลังจากล้างหน้าสะอาดแล้ว ให้พอกหน้าทิ้งไว้ 5-10 นาทีด้วยส่วนผสมของน้ำอุ่นเล็กน้อยที่ค่อย ๆ ผสมกับเบกกิ้งโซดา จนได้ส่วนผสมที่เริ่มข้น เมื่อครบตามเวลาแล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น จะช่วยให้รูขุมขนสะอาด และรู้สึกเบาสบายผิวหน้าขึ้นมากค่ะ
7.ดูแลเล็บให้ขาวใสสบายมาก!
เพื่อเล็บขาว ๆ ขอบเล็บนุ่มไม่กระด้าง และผิวเล็บเรียบดูสุขภาพดี ให้ทำความสะอาดเล็บโดยใช้แปรงขัดเล็บจุ่มเบกกิ้งโซดามาขัดถูตามปกติ แต่หากคุณสาวๆมีปัญหาเรื่องเชื้อราที่เล็บ ซึ่งทำให้เล็บบิด สีคล้ำ แตกเป็นชั้น ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 2 ส่วน ผสมน้ำอุ่น 1 ส่วน นำมาพอกเล็บทิ้งไว้ 10 นาที ทำเช่นนี้วันละ 2 ครั้ง จนกว่าราที่เล็บจะหายไปค่ะ
จะว่าไปแล้ว เบกกิ้งโซดา ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกหลายๆอย่างมากนะคะ ไม่ใช่เฉพาะกับเรื่องความสวยความงามเท่านั้น เอาเป็นว่า GirlsfriendClub จะรวบรวมเอาไว้มาฝากทุกคนอีกครั้งนะคะ ติดตามกันให้ดีแล้วกันจ้า
Cr: allwomenstalk.com
อยากหุ่นดี ฟิต&เฟิร์ม ลองมาเล่นโยคะกระชับกระชับสัดส่วน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ท่าโยคะเบื้องต้น โยคะลดหน้าท้อง โยคะลดต้นขา อยากหุ่นดี ฟิต&เฟิร์ม ลองมาเล่นโยคะกระชับกระชับสัดส่วนกันเลย
โยคะที่ดีต่อสุขภาพก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยเบิร์นแคลอรี่ ปราบเซลลูไลท์ และแก้ปัญหาส่วนเกินในจุดที่คุณสาว ๆ กังวลได้ ถ้ายิ่งฝึกบ่อย ๆ ยังช่วยให้คุณสาว ๆ ดูเด็กลงด้วย ประโยชน์เพียบแบบนี้ชักอยากลุกขึ้นมาฝึกโยคะแล้วสิ แต่ถ้าใครมีปัญหาไม่มีเวลาไปเข้าคอร์สโยคะที่ได้ ก็ลองมาดูท่าโยคะกระชับสัดส่วนแบบง่าย ๆ ต่อไปนี้ ขอบอกว่าสาว ๆ สามารถฝึกหัดเองจากที่บ้านได้เลยค่ะ
โยคะกระชับต้นแขน
หากสาวคนไหนมีปัญหาต้นแขนใหญ่ จะใส่เสื้อแขนกุด สายเดี่ยวก็ไม่กล้า ให้เริ่มปฏิบัติการฝึกโยคะ 3 ท่าต่อไปนี้
ท่าโลมา (Dolphin Pose)
นั่งคุกเข่า ประสานมือทั้งสองข้างไว้ข้างหน้า แล้วค่อย ๆ โน้มตัวลงมาให้ข้อศอกแตะพื้น จากนั้นยกสะโพกและก้นขึ้นให้อยู่ในแนวเดียวกับข้อศอก ท่านี้จะช่วยบริหารต้นแขนด้านใน กล้ามเนื้อไบเซ็ปส์ ไตรเซ็ปส์ และไหล่ให้สมส่วน

ท่าสุนัขก้มหน้า (Downward dog)
เริ่มต้นในท่าคลาน ขาและเข่ากางออกความกว้างเท่าสะโพก กางแขนให้กว้างเท่าไหล่ กางนิ้วออกให้กว้างด้วย แล้วใช้มือดันพื้น ยกเข่าขึ้นจนขาตรง (หากรู้สึกตึงขาเกินไป สามารถงอเข่าได้เล็กน้อยเพื่อให้รู้สึกสบาย)
เมื่อยกเข่าขึ้นแล้ว ให้ยืดแขนไปข้างหน้าเล็กน้อย และก้าวขาไปข้างหลังเล็กน้อย เกร็งต้นขาไว้ จากนั้นดันต้นขาไปข้างหลัง พยายามกดส้นเท้าไว้ให้ติดพื้น ผ่อนคลายศีรษะ คอ แล้วปล่อยให้ไหล่ผายไปด้านหลัง หายใจลึก ๆ ค้างไว้อย่างน้อย 1 นาที

ท่าท่อนไม้ (Chaturanga)
ท่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แขน มือ และกล้ามเนื้อหน้าท้องไปพร้อม ๆ กัน วิธีฝึกก็คือ ให้นอนคว่ำลง เท้าชิดกัน ตั้งนิ้วเท้าขึ้น จากนั้นให้งอข้อศอก มือทั้งสองข้างวางราบไปกับพื้น หายใจเข้า แล้วค่อย ๆ ดันมือทั้งสองข้างยกตัวขึ้น ลำตัวตรงขนานกับพื้น ใช้มือและเท้ารับน้ำหนักตัว สักครู่หนึ่งให้หายใจออก ผ่อนคลายท่าลง กลับไปในท่าเดิม
โยคะลดหน้าท้อง
หน้าท้องย้วย ๆ เป็นปัญหากวนใจคุณสาว ๆ อย่างไม่เคยหยุดหย่อน แต่เราสามารถกระชับหน้าท้องให้ดูฟิตเปรี๊ยะได้ด้วยท่าโยคะที่กระปุกดอทคอมขอแนะนำต่อไปนี้

ท่าเรือ (Boat Pose)
เริ่มฝึกง่าย ๆ ด้วยการนั่งลงกับพื้นให้หลังตั้งตรง ขาเหยียดตรง หายใจเข้า เหยียดแขนชี้ไปข้างหน้า หายใจออกแล้วเอนตัวไปข้างหลัง ค่อย ๆ เกร็งหน้าท้องแล้วยกขาขึ้นจากพื้น ทำมุมประมาณ 45 องศา ปลายเท้าอยู่สูงเหนือระดับศีรษะ
จากนั้น ยกแขนขึ้นให้แขนเหยียดตรง ขนานกับพื้นในแนวเดียวกับหัวไหล่ พลิกฝ่ามือหันเข้าหาขา พยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าสมดุล ให้น้ำหนักลงที่ก้น ค้างอยู่ท่านี้ประมาณ 10-20 วินาที หากฝึกจนเก่งแล้วให้ค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นเป็นสัก 1 นาที
Tip : ถ้าเพิ่งเริ่มฝึกใหม่ ๆ อาจจะยกขาเหยียดขึ้นไม่ได้นาน ให้หาผ้ายืด หรือเข็มขัดมาคล้องปลายเท้าแล้วใช้มือดึงพยุงตัวเอาไว้

ท่างูเห่า (Cobra Posture)
เป็นท่าที่ช่วยบริหารกระดูกสันหลัง และกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องไปในตัว วิธีฝึกคือ ให้นอนคว่ำ งอข้อศอก ต้นแขน และมือ วางชิดลำตัวด้านข้าง ขาชิดกัน หรือจะแยกขาออกประมาณหนึ่งช่วงไหล่ก็ได้
จากนั้น เหยียดแขนขึ้น แต่พยายามให้ศอกงอเล็กน้อยเพื่อยกลำตัวช่วงบนขึ้น เปิดอก เปิดไหล่ พยายามยืดศีรษะขึ้นให้ขนานกับลำตัวช่วงบน ค้างท่าไว้ แล้วหายใจเข้า-ออก ประมาณ 3-5 ลมหายใจ แล้วกลับมาสู่ท่านอนคว่ำเหมือนเริ่มต้น

ท่ายืนด้วยไหล่ (Half shoulder stand)
ท่านี้อาจจะยากไปสักหน่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ฝึกโยคะมานานจนเชี่ยวชาญแล้ว แต่มือใหม่จะลองดูก็ไม่เสียหาย วิธีฝึกเริ่มจาก นอนหงาย ชันเข่าขึ้นให้ส้นเท้าวางกับพื้นติดก้น หายใจออก แขนและมือทั้งสองข้างวางคว่ำแนบลำตัวกดพื้น ยกสะโพกขึ้นพร้อมดึงเข่าไปทางศีรษะในท่าเข่างอ ยกหลังขึ้นจากพื้น จนเข่าทั้งสองข้างอยู่หน้าใบหน้า
จากนั้น ใช้มือสองข้างประคองแผ่นหลังจนกระทั่งหลังตั้งฉากกับพื้น แล้วค่อยเลื่อนมือลงดันแผ่นหลังไว้ เหยียดเข่า ยกปลายเท้าชี้บนเพดาน ดันลำตัวขึ้นจนหน้าอกชิดกับคาง หน้าตั้งตรง ให้คงท่านี้ไว้ 30 วินาที กลับสู่ท่านอนหงาย
โยคะลดต้นขา
ต้นขาหนา ๆ ตัน ๆ ที่ลดเท่าไรก็ลดไม่ลงสักทีจะอันตรธานไป หากสาว ๆ ตั้งใจและหมั่นฝึกท่าโยคะลดต้นขาต่อไปนี้
ท่าสุนัขก้มหน้าแยกขา (Downward Dog Split Pose)
หนึ่งในท่าโยคะที่จะช่วยบริหารขาให้เรียวสวยได้ดี คงหนีไม่พ้นท่าสุนัขก้มหน้าแยกขา (Downward Dog Split Pose) เริ่มจากนอนคว่ำลง หายใจเข้าใช้มือดันไปข้างหน้าให้อยู่ในท่าที่คล้ายกำลังจะวิดพื้น หายใจออก แล้วค่อย ๆ ยกสะโพกและก้นขึ้น แขนเหยียดตรงค้ำตัวไว้ ขาทั้งสองข้างยังวางอยู่ที่พื้นในลักษณะเหยียดตรง
จากนั้นค่อย ๆ ยกขาข้างขวาขึ้นไปข้างหลัง ยืดขาให้สุด เกร็งฝ่าเท้าไว้ให้เหมือนกับว่ามีกำแพงมาค้ำฝ่าเท้าอยู่ที่ด้านหลัง ทำค้างไว้สักครู่แล้วสลับไปทำอีกข้างแบบเดียวกัน

ท่ายืนก้มตัว (Standing Forward Bend)
ท่านี้ช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อต้นขา และทำให้ขาแข็งแรง เริ่มจากให้ยืนตรงเท้าชิดกัน ส้นเท้าและฝ่าเท้าตรงกัน หรือแยกกันเท่าช่วงไหล่ จากนั้นหายใจออก ก้มตัวลง โดยใช้จุดหมุนที่ข้อสะโพก ปลายนิ้วมือ หรือฝ่ามือจรดพื้นตรงหน้านิ้วเท้า หรืออาจจะวางฝ่ามือไว้ตรงหลังเท้า
เมื่อหายใจเข้าให้ก้มหน้าให้มากที่สุด เมื่อหายใจออกให้คลายท่าเล็กน้อย อาจจะค้างท่านี้ไว้ 30 วินาทีถึง 1 นาที แล้วค่อยคลายท่า ในการคลายท่าให้ระวังเรื่องกล้ามเนื้อหลัง วิธีการคือ ให้ยกมือขึ้นจากพื้น วางมือไว้บริเวณสะโพกก่อน แล้วย่อตัวลงนั่ง หายใจเข้าพร้อมกับลุกขึ้นยืน

ท่าตรีโกณ (Triangle)
ท่านี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านใน-นอก และกล้ามเนื้อน่องด้วย วิธีการคือ ให้ยืนตัวตรง มือทั้ง 2 ประสานกันแบบนมัสการ หายใจเข้า ค่อย ๆ ก้าวเท้าขวาไปด้านหลัง เปิดปลายเท้าออกด้านนอก ทำมุมประมาณ 90 องศา ห่างจากเท้าซ้ายประมาณ 1 เมตร เข่างอเล็กน้อย ลำตัวช่วงบนอยู่ศูนย์กลางเข่าจนถึงปลายเท้าเป็นเส้นขนาน เก็บท้อง สะโพกเข้าแกนกลางลำตัว สะโพกขนานกัน
หายใจออก เหยียดมือขวาขึ้นข้างบน ส่วนมือซ้ายให้เหยียดลงข้างล่างจับที่ขาซ้าย ขนานกับลำตัว ตามองตามปลายนิ้วมือขวา ผ่อนคลายคอ พยายามให้น้ำหนักลงที่ฝ่าเท้าทั้งสองมากกว่าฝ่ามือซ้าย แล้วค้างท่าไว้ 3-5 ลมหายใจ จากนั้น กลับมาสู่ท่าเริ่มต้น ในท่ายืนตรง แล้วทำสลับข้าง
โยคะลดสะโพก
สะโพกที่เป็นเชฟบ๊ะ ใส่กางเกงยีนทีไรคับติ้วทุกที นี่เป็นสัญญาณที่บอกให้คุณสาว ๆ รีบมาฝึกท่าโยคะลดสะโพกกันโดยด่วน

ท่าวัว (Cow Pose)
เป็นท่าที่จะช่วยให้ยืดสะโพกให้แข็งแรง และผายมากขึ้น ฝึกได้โดยเริ่มจากนั่งคุกเข่า ก้มอยู่ในท่าคลาน เข่าทั้งสองห่างกันเท่าช่วงไหล่ วางมือทั้งสองข้างราบไปบนพื้น แขนเหยียดตรง
จากนั้น เงยศีรษะขึ้น แอ่นเอวให้มากที่สุด คงท่าไว้ แล้วก้มศีรษะลงจนคางชิดหน้าอกพร้อมกับโก่งหลังขึ้นให้มากที่สุด จากนั้นหายใจออกพร้อมกดท้องเข้าหาสะดือ แล้วกดโค้งหลังลง ตามองไปที่เพดาน

ท่านักรบ 2 (Warrior Two)
ยืนตรงเท้าชิด หายใจออกช้า ๆ กระโดดแยกเท้าออกกว้าง 3-4 ฟุต กางแขนออกขนานกับพื้น แล้วหมุนเท้าซ้ายไปทางซ้าย 90 องศา ส่วนเท้าขวาเฉียงมาทางซ้ายเล็กน้อย แล้วงอเข่าซ้ายลงจนสะโพกซ้ายอยู่ในระดับเข่าซ้าย เข่าซ้ายและส้นเท้าซ้ายอยู่ในแนวเดียวกันในแนวดิ่ง ขาขวาเหยียดตึง
จากนั้น เหยียดแขนทั้งสองข้างกางออก แขนซ้ายไปทางซ้าย แขนขวาไปทางขวา แขนทั้งสองขนานกับพื้น หันหน้าไปทางซ้ายมองที่ปลายนิ้ว ยืดเอว ลำตัวและแขนไปทางซ้ายให้มากที่สุด ค้างไว้ 30 วินาที - 1 นาที คลายท่า แล้วสลับข้าง ทำท่าเดิม

ท่านกอินทรี (Eagle Garudasana)
วิธีฝึกคือ ให้ยืนตัวตรง กางขาออกเล็กน้อย งอเข่าซ้ายพาดไว้บนขาขวา แล้วใช้ข้อเท้าซ้ายเกี่ยวข้อขาขวาเอาไว้ จากนั้น ค่อย ๆ ย่อเข่าขวาลงมาให้มากที่สุด
ช่วงบน ให้ไขว้ข้อศอกขวาไว้ใต้แขนซ้าย ประกบฝ่ามือกันไว้ข้างหน้า ทำท่านี้ค้างไว้ 15-30 วินาที จึงค่อยคลายเท้าและมือออก แล้วทำแบบเดียวกันนี้กับอีกข้าง
โยคะกระชับบั้นท้าย
บั้นท้ายที่หย่อนคล้อยเพราะเป็นสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานมาตลอดทั้งวัน คงต้องหาวิธีบริหารให้บั้นท้ายฟิต ๆ กลับมาดังเดิม ด้วยท่าโยคะง่าย ๆ อย่าง...

ท่านั่งเก้าอี้ (Chair Pose)
วิธีฝึกก็คือ ให้ยืนตรงเท้าชิดกัน เหยียดเข่าให้ตึง เกร็งกล้ามเนื้อต้นขาให้เข่ากระชับ จากนั้นแยกขาออกเล็กน้อย หายใจเข้าช้า ๆ ยกมือขึ้นตั้งฉากกับพื้น พนมมือ แล้วหายใจออก ย่อเข่าลงให้มากที่สุดจนขนานกับพื้น
จากนั้นให้ยืดอก เหยียดลำตัวให้ตรง พยายามอย่าให้ตัวก้มไปข้างหน้า ค้างท่านี้ไว้ 30 วินาที-1 นาที แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือลง กลับมายืนตามเดิม

ท่ายืนขาเดียวตัว T (Warriror III Pose)
เริ่มจากการยืนตัวตรง และมือใช้ทั้ง 2 ประสานกันแบบนมัสการ หายใจเข้า มือทั้งสองแตะสะโพก ย่อเข่าซ้ายเล็กน้อย ค่อย ๆ ยกขาขวาขึ้น พยายามเหยียดเป็นแนวเส้นตรงขนานกับสะโพก ลำตัว จนถึงศีรษะ เก็บท้อง สะโพกเข้าแกนกลางลำตัว สะโพกขนานกัน
จากนั้น หายใจออก เหยียดมือทั้งสองขนานศีรษะ ลำตัว สะโพก และขา พยายามเก็บแขนแนบชิดใบหู เปิดอก ไหล่ แขน มือจะประสานกัน หรือจะเหยียดขนานเป็นแนวเส้นตรงกับหัวไหล่ก็ได้ แล้วค้างท่าไว้ 3-5 ลมหายใจ ก่อนจะกลับมาสู่ท่าเริ่มต้น ในท่ายืนตรง แล้วทำสลับแบบนี้กับอีกข้าง

ท่าสะพานโค้ง (Bridge Pose)
เป็นท่าที่ไม่ยากนัก แต่กระชับบั้นท้ายได้อยู่หมัด เริ่มจากให้นอนหงาย ให้หลังแนบกับพื้น ชันเข่าขึ้น แยกเท้าห่างเท่ากับความกว้างของสะโพก แขนวางแนบลำตัว แล้วค่อย ๆ ยกสะโพกขึ้นจนก้นกบอยู่ระนาบเดียวกับหัวเข่า ยกหน้าอกให้อยู่เหนือไหล่ (หากรู้สึกยันตัวไม่ถนัด ให้ขยับเท้าทั้งสองเข้าหาตัวได้เล็กน้อย)
จากนั้น หายใจเข้า แล้วกลั้นหายใจไว้ครู่หนึ่ง แล้วค่อยผ่อนลมหายใจอ่อน ก่อนจะกลับเข้าสู่ท่าผ่อนคลาย
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก >>>>> อ้างอิง : http://health.kapook.com/view79558.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)